กินยาแก้แพ้เป็นยานอนหลับ อันตรายหรือไม่

กินยาแก้แพ้เป็นยานอนหลับ อันตรายหรือไม่

ปัจจุบันนี้คนเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้นด้วยหลายปัจจัย ทั้งอากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมีฝนตก ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีต่างๆ ควันพิษ มลพิษ รวมถึงฝุ่น pm 2.5 ที่เราต่างต้องพบเจอในแต่ละวัน ปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้มากยิ่งขึ้น ยาแก้แพ้จึงเป็นกลุ่มยาที่มีการใช้สูงมากภายในประเทศไทย

 

มาทำความรู้จัก "ยาแก้แพ้" มีกี่ชนิด ใช้อย่างไร

 

ยาแก้แพ้นั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ตามผลข้างเคียง คือ 

 

1. ชนิดที่ทำให้ง่วง (ยารุ่นเดิม) ออกฤทธิ์ไว แต่ฤทธิ์มักจะอยู่ได้ไม่นาน ในหนึ่งวันต้องกินหลายครั้ง กินแล้วมักมีผลข้างเคียงคือ ทำให้ง่วงนอน ปากแห้ง จมูกแห้ง มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนมากๆ เนื่องจากกินแล้วง่วง แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องทำงาน ต้องขับรถ หรือควบคุมเครื่องจักร ที่สำคัญไม่ควรใช้ยาร่วมกับการดื่มสุรา หรือกลุ่มยากดประสาท เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด เพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้

 

2. ชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน (ยารุ่นใหม่) เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ไม่รุนแรง ซึ่งยาจะออกฤทธิ์ได้ช้ากว่ายาชนิดที่ทำให้ง่วง แต่มีฤทธิ์ที่อยู่ได้นานกว่า ในหนึ่งวันไม่ต้องกินยาหลายครั้ง อีกทั้งผลข้างเคียงก็น้อยกว่า แต่อาจต้องกินยาหลายวันและต่อเนื่องกว่าจะเห็นผล


ใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ อันตรายกว่าที่คิด

 

ถึงยาแก้แพ้นั้นจะไม่อยู่ในกลุ่มยาที่อันตรายและมีผลข้างเคียงมาก แต่หลายคนก็นำมาใช้อย่างผิดวิธี โดยผู้ที่นอนไม่หลับมักใช้ยาแก้แพ้ชนิดที่ทำให้ง่วง เพื่อให้ตัวเองง่วงนอนแทนยานอนหลับ ถือว่าเป็นการใช้ยาที่ผิดวัตถุประสงค์ และหากกินบ่อยๆ อาจติดยาแก้แพ้ได้ 

 

เมื่อร่างกายติดยา จากที่เรากินยาแก้แพ้ทุกวัน ร่างกายจะเคยชินกับผลข้างเคียงของยาที่ทำให้ง่วง เมื่อวันนึงเราหยุดยา ร่างกายเราก็จะไม่รู้สึกง่วง นอนหลับได้ช้าลง หรือบางคนอาจใช้เวลานานมากกว่าจะนอนหลับ ถ้าถามว่าอันตรายไหม อันตรายแน่นอน เพราะเป็นการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ ไม่สมเหตุผล และเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด หากมีปัญหานอนไม่หลับ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุของการนอนไม่หลับว่ามีอะไรบ้าง แล้วค่อยๆ รักษาไปตามสาเหตุ เพื่อการนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ และเพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง

 

เราควรใช้ยาแก้แพ้ให้เกิดประโยชน์ และถูกต้องตามวัตถุประสงค์ เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้น ให้หาว่าสิ่งใดที่ทำให้แพ้ก่อนเป็นอันดับแรก เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องรู้ว่าแพ้อะไรบ้าง จากนั้นคอยหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ และเลือกใช้ยาแก้แพ้อย่างถูกต้อง กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เหมาะสมและเพียงพอ นอกจากนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อต้องการใช้ยา

 

หากคุณกังวลเรื่องสุขภาพ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยโปรแกรม "Smart Doctor" โปรแกรมตรวจอาการเบื้องต้นอัจฉริยะ จาก Doctor at Home

ข้อมูลล่าสุด : 19 เม.ย. 2566