ลูกไม่สบตา เรียกไม่หัน เพราะเป็นออทิสติกหรือไม่?

ลูกไม่สบตา เรียกไม่หัน เพราะเป็นออทิสติกหรือไม่?

คุณพ่อ คุณแม่ หลายท่านที่มักจะเกิดความวิตกกังวลใจ เวลาที่พัฒนาการและพฤติกรรมของลูกน้อยของเราแตกต่างไปจากเด็กคนอื่น ๆ เช่น ลูก อายุ 2 ขวบ แต่ยังไม่ยอมสบตา เมื่อเรียก เด็กก็ไม่หัน ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ สามารถมองและสบตาคนได้ตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่เดือน เมื่อเรียก เด็กก็หันและตอบสนองต่อการเรียก จนทำให้เกิดคำถามว่าลูกเรามีความผิดปกติรึเปล่า จะมีภาวะออทิสติกหรือไม่


1. สาเหตุที่ทำให้เด็กไม่สบตาหรือเรียกแล้วไม่หัน


จริง ๆ แล้วการที่เด็กไม่สบตา เรียกไม่หัน ไม่ตอบสนองนั้น อาจจะมีสาเหตุอื่นได้หลายปัจจัยโดยที่เด็กไม่ได้มีภาวะออทิสติก ตัวอย่างเช่น

  • เด็กมีการได้ยินที่บกพร่อง
  • เด็กอาจจะตื่นกลัวหรือไม่ชอบคนที่เข้ามาพูดคุยกับเด็ก
  • เด็กกำลังจดจ่อกับกิจกรรมที่เค้าทำอยู่จึงไม่ได้สังเกตว่ามีใครเรียกอยู่หรือให้ความสนใจแก่ผู้เรียก
  • เด็กอาจเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Anxiety Disorder) ทำให้ประหม่าไม่กล้าสบตาผู้อื่น
  • เด็กที่เติบโตในสังคมที่มีวัฒนธรรมที่มองว่าการหันสบตาโดยตรงถือเป็นการไม่เคารพแก่ผู้อื่นจึงไม่หันสบตาตรง ๆ

ทั้งนี้ นอกจากสาเหตุข้างต้นที่ไม่เกี่ยวกับภาวะออทิสติกแล้ว โรคออทิสติกหรือที่ในปัจจุบันเรียกว่า โรคออทิซึมสเปกตรัม (Autism Spectrum Disorder) ก็อาจเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมไม่สบตา เรียกแล้วไม่หัน โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ทำการตรวจวินิจฉัยเด็กว่าจะมีภาวะออทิสติกหรือไม่

 

 


2. ทำไมเด็กเป็นโรคออทิสติกหรือออทิซึมสเปกตรัมจึงไม่สบตาผู้อื่น


เหตุผลที่เด็กที่เป็นโรคออทิสติกหรือออทิซึมสเปกตรัม (Autism Spectrum Disorder) แสดงพฤติกรรมที่ไม่ยอมสบตาหรือ เรียกแล้วไม่หัน มักเป็นเพราะเหตุผลดังต่อไปนี้

  • เด็กที่มีภาวะออทิสติกมีความยากลำบากในการเพ่งความสนใจต่อภาษาพูดที่บุคคลอื่นกำลังพูดกับตนในขณะที่ต้องสบตาบุคคลนั้นไปพร้อมกัน
  • เด็กที่มีภาวะออทิสติกมักขาดแรงจูงใจทางสังคมที่เด็กอื่น ๆ มี ที่ทำให้เด็กสบตาผู้อื่น
  • เด็กที่มีภาวะออทิสติกไม่รู้ว่าการสบตาผู้อื่นนั้นเป็นการให้ความสนใจแก่ผู้อื่น เด็กไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ระหว่างการสบตาผู้อื่นกับกับการมองไปที่ปากหรือมือของผู้อื่น
  • การสบตาอาจทำให้เกิดการรับรู้ต่อประสาทสัมผัสของเด็กที่มากเกินไปที่เด็กจะรับได้ (sensory overload) เพราะเด็กที่มีภาวะออทิสติกมีการรับรู้ต่อประสาทสัมผัสที่แตกต่างจากเด็กอื่น ๆ

 

 


3. เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ควรพาเด็กไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ


การที่เด็กไม่สบตาหรือเรียกแล้วไม่หันนั้น ไม่สามารถใช้เป็นปัจจัยเดี่ยวที่บ่งชี้ว่าเด็กเป็นโรคออทิสติกหรือออทิซึมสเปกตรัมได้ แต่หากเด็กมีอาการไม่สบตาหรือเรียกไม่หัน พร้อมกับมีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ก็ควรจะต้องรีบพาไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพราะอาจเข้าข่ายมีภาวะออทิสติกหรือออทิซึมสเปกตรัมได้

  • เป็นเด็กที่ไม่มีปัญหาการได้ยินบกพร่อง แต่กลับไม่ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ
  • เป็นเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าด้านการพูดสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ด้านสังคม
  • เด็กมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่พบเจอบ่อยในเด็กที่มีภาวะออทิสติก เช่น มีการทำกิจการรมเดิมซ้ำ ๆ  หรือ เด็กขาดการเล่นแบบใช้จินตนาการ หรือเด็กมักเล่นแต่กับของเล่นเดิม ๆ เล่นแบบเดิม ๆ กับของเล่นชิ้นนั้น แม้จะมีของเล่นชิ้นอื่นให้เลือก และเด็กมีวิธีเล่นของเล่นไม่เหมือนเด็กส่วนใหญ่โดยทั่วไป

 

 

สรุป

 

หากเด็กมีเหตุที่พ่อแม่สงสัยว่าอาจมีภาวะออทิสติก พ่อแม่ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก จิตแพทย์เด็ก นักจิตวิทยาคลินิก หรือ นักจิตบำบัด เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุดว่าเด็กมีภาวะออทิสติกหรือไม่ เพื่อช่วยลดปัญหาพฤติกรรมและส่งเสริมให้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กดีขึ้น

 

ใครที่สงสัยว่าเจ็บป่วย แต่ยังไม่แน่ใจ คุณสามารถเช็กอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองง่าย ๆ ได้ที่ Smart Doctor โปรแกรมตรวจอาการเบื้องต้นอัจฉริยะ จาก Doctor at Home

 

เขียนโดย ตุลาพร อาชานานุภาพ ที่ปรึกษาทางจิตวิทยา (ปริญญาโทจิตวิทยาการปรึกษา สาขาการบำบัดคู่สมรสและครอบครัว University of San Francisco)

ข้อมูลล่าสุด : 3 ต.ค. 2566