รู้จัก FMD อาหารต้านมะเร็ง เคล็ดลับการกินที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

รู้จัก FMD อาหารต้านมะเร็ง เคล็ดลับการกินที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

ผู้ป่วยมะเร็งหลาย ๆ คนคงจะรู้จักและคุ้นเคยกันดีกับการทำเคมีบำบัด (chemotherapy) หรือคีโม ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคมะเร็งให้มีโอกาสหายขาด แต่หลายคนก็คงจะทราบดีเช่นกันถึงอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์มากมายจากยาเคมีบำบัด ในบทความนี้ Doctor at Home จึงขอนำเสนอเรื่อง fasting-mimicking diet (FMD) วิธีการกินรูปแบบหนึ่งที่มีผลวิจัยมาว่าช่วยลดอาการข้างเคียงเหล่านี้ได้

 

ทำไมต้อง FMD?

 

การทำ intermittent fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วง ๆ อาจเป็นที่พูดถึงในฐานะวิธีการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยม แต่แท้จริงแล้ว ประโยชน์ของการอดอาหารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหมู่ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเท่านั้น สำหรับผู้ป่วยมะเร็งแล้ว งานวิจัยจำนวนหนึ่งยังพบว่าการอดอาหารอาจจะช่วยลดผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดได้ เช่น การทดลองหนึ่งในเยอรมนีได้ให้ผู้ป่วยมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านมที่กำลังรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเริ่มอดอาหาร 36 ชั่วโมงก่อนรับยาและอีก 24 ชั่วโมงหลังรับยา ได้ผลว่าการอดอาหารช่วยลดความอ่อนเพลียหลังจากรับยา และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในระหว่างรับการรักษาโดยไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง


แล้ววิธีการนี้ทำงานอย่างไร? ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่า เซลล์ปกติกับเซลล์มะเร็งจะมีกลไกการทำงานต่างกันในสภาวะอดอาหาร ในขณะที่เซลล์ปกติจะเข้าสู่ “โหมดประหยัดพลังงาน” คือหยุดการดึงพลังงานจากภายนอกและหันมาใช้พลังงานที่ได้จากไขมันและเนื้อเยื่อที่เสียหาย เซลล์มะเร็งที่ไม่มีระบบประหยัดพลังงานนี้จะยังคงพยายามดึงสารอาหารจากภายนอก และนำพลังงานมาเผาผลาญด้วยวิธีการแบบใช้ออกซิเจน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเซลล์มะเร็งได้พลังงานมากขึ้น แต่ก็เกิดสารอนุมูลอิสระมาทำลายเซลล์มะเร็งมากด้วย และยังทำให้เซลล์มะเร็งถูกเคมีบำบัดเข้าทำลายได้ง่ายขึ้น

 

อย่างไรก็ดี เพื่อให้วิธีการนี้ได้ผล ผู้ป่วยจะต้องอดอาหารอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องการขาดสารอาหารตามมา วิธีการกินแบบ fasting-mimicking diet หรือการกินแบบจำลองสภาวะการอดอาหาร จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณกังวลว่าจะไม่สามารถอดอาหารต่อเนื่องได้ เพราะ FMD จะใช้วิธีกำหนดแคลอรีและสารอาหารที่ได้ให้คล้ายคลึงกับเวลาอดอาหารจริง ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะอดอาหารเหมือนกัน แต่ไม่ต้องทนหิว


นอกจากงานวิจัยจะพบว่าวิธีการกินแบบ FMD สามารถช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้แล้ว ยังมีงานวิจัยที่ได้ทดลองให้ผู้ที่มีสุขภาพปกติกินอาหารแบบ FMD เป็นเวลา 5 วันติดต่อกันต่อเดือน พบว่ากลุ่มทดลองมีน้ำหนักตัวและไขมันสะสมลดลง ความดันโลหิตลดลง และในกลุ่มเสี่ยง ยังพบว่าช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ น้ำตาลในเลือด และสาร CRP ที่เป็นตัวบ่งชี้การอักเสบในร่างกายอีกด้วย เพราะฉะนั้นวิธีการนี้จึงอาจมีประโยชน์อย่างมากทั้งกับผู้ป่วยและผู้ที่ไม่ป่วย

 

FMD กินอย่างไรให้ดี?


การกินแบบ FMD มีหัวใจสำคัญอยู่ 3 อย่าง คือ

  • แคลอรีต่ำ กล่าวคืออยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 1,100 แคลอรีต่อวัน
  • น้ำตาลต่ำ โปรตีนต่ำ และไขมันไม่อิ่มตัวสูง เน้นสารอาหารที่ได้จากพืชเป็นหลัก เช่น ผักต่าง ๆ ถั่ว อะโวคาโด ปลา หรือน้ำมันมะกอก
  • กินอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรจะกิน 5 วันติดต่อกันในช่วงที่รับเคมีบำบัด ก่อนจะกลับไปกินอาหารปกติ โดยอาจเพิ่มโปรตีนบ้างเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่กำลังจะเข้าผ่าตัด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรจะหลีกเลี่ยงการกินวิธีนี้ และกินอาหารตามปกติที่ให้สารอาหารครบถ้วน มีแคลอรีเพียงพอต่อวัน เพื่อฟื้นฟูร่างกาย และเช่นเดียวกับการกินอาหารทั่วไป ผู้ที่เลือกจะรับประทานควรจะพิจารณาถึงข้อจำกัดของตัวเอง และกินอาหารอย่างสมดุล ไม่สุดโต่งจนเกินไป

 

สำหรับบทความนี้ ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ธนีย์ ธนียวัน ถ้าหากใครสนใจอยากเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถศึกษาจากคลิป “#อาหารต้านมะเร็ง ที่มีผลวิจัยและสามารถทำได้จริง #fmd” และ “#อาหารต้านมะเร็ง #fmd ต้องกินอะไร อย่างไร” ได้เลย

 

ลดความกังวลใจเรื่องสุขภาพ เช็กอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองง่าย ๆ ได้ที่ Smart Doctor โปรแกรมตรวจอาการเบื้องต้นอัจฉริยะ จาก Doctor at Home

ข้อมูลล่าสุด : 23 ม.ค. 2567