รู้ทัน 5 ภัยใกล้ตัวจากควันบุหรี่มือสอง

รู้ทัน 5 ภัยใกล้ตัวจากควันบุหรี่มือสอง

 

ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราหายใจสูดควันบุหรี่เข้าไป ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ทันที โดยที่ควันบุหรี่มือสอง (Secondhand Smoke) สามารถโจมตีระบบทางเดินหายใจภายใน 60 นาทีและส่งผลได้นานอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังสูดดม จากสถิติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 พบว่ามีผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เสียชีวิตด้วยปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสองราว ๆ 2,500,000 ราย Doctor at Home จึงขอพาไปส่องอันตรายของควันบุหรี่มือสองที่รวมมาไว้ในบทความนี้ เพื่อให้รู้เท่าทันภัยใกล้ตัวจากควันบุหรี่แม้ว่าจะไม่ได้สูบด้วยตัวเอง!

 

1. โรคหัวใจและหลอดเลือด

 

ควันบุหรี่มือสองเพิ่มความเสี่ยงป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง (heart disease and stroke) มากขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในสหรัฐอเมริกาพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจจากควันบุหรี่มือสองประมาณ 34,000 รายต่อปี

 

ควันบุหรี่มือสองจะเข้าไปทำให้หัวใจ เลือด และระบบหลอดเลือดทำงานผิดปกติ แม้สูดดมควันบุหรี่เพียงชั่วครู่ก็สามารถทำลายเยื่อบุหลอดเลือด ทำให้เกล็ดเลือดเหนียวขึ้น เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายได้ โดยเฉพาะใครที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ควรเลี่ยงควันบุหรี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

2. ความเสี่ยงของคุณแม่ตั้งครรภ์

 

การสูดดมควันบุหรี่มือสองในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ทารกมีแนวโน้มน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพตามมาอีกมากมาย

 

3. โรคไหลตายในทารก (SIDS)

 

เด็กทารกที่ได้รับควันบุหรี่หลังคลอดมีแนวโน้มเสียชีวิตด้วยโรคไหลตายในทารก (SIDS) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้สัมผัสควันบุหรี่ ซึ่งโรคไหลตายในทารกนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของเด็กเล็กที่มีสุขภาพดี นอกจากนี้ คุณแม่ที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกเป็นโรคไหลตายในทารกเช่นกัน

 

สารเคมีในควันบุหรี่จะส่งผลต่อสมอง และเข้าไปทำให้ระบบควบคุมการหายใจของเด็กผิดปกติ รายงานส่วนหนึ่งพบว่าเด็กที่เสียชีวิตจากโรคไหลตายในทารก มีความเข้มข้นของระดับนิโคตินในปอดสูงกว่าเด็กที่เสียชีวิตจากสาเหตุอื่น

 

4. โรคหอบหืดในเด็ก

 

ควันบุหรี่มือสองมีส่วนกระตุ้นอาการหอบหืดในเด็ก หากเด็กที่เป็นโรคหอบหืดสูดควันบุหรี่เข้าไปอาการหอบหืดจะรุนแรงและถี่ขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ ควันบุหรี่มือสองยังเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันในเด็ก นำมาซึ่งโรคปอดอักเสบและหลอดลมอักเสบ (pneumonia and bronchitis) โรคหูชั้นกลางอักเสบ (middle ear disease) รวมถึงอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และทำให้ปอดเจริญเติบโตช้าลงด้วย

 

เด็กที่ได้รับควันบุหรี่มือสองมักจะมีอาการหายใจมีเสียงหวีด ไอ และหายใจถี่ หากพ่อแม่ผู้ปกครองสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีเด็กอยู่ใกล้ ๆ มีแนวโน้มที่เด็กจะเสี่ยงติดเชื้อในหูมากขึ้น ทำให้มีของเหลวในหู อาจต้องได้รับการผ่าตัดใส่ท่อเพื่อระบายน้ำในหู

 

5. มะเร็งปอด

 

เมื่อเราสูดเอาควันบุหรี่มือสองเข้าไป แม้ว่าไม่ได้สูบเองก็จะเพิ่มความเสี่ยงป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดมากขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในสหรัฐอเมริกามีคนที่ไม่สูบบุหรี่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดมากกว่า 7,300 รายในแต่ละปี

 

อาจพูดได้ว่า ในขณะที่สูดดมควันบุหรี่มือสองเปรียบเสมือนเรากำลังสูดดมสารก่อมะเร็งและสารพิษชนิดเดียวกันกับคนที่กำลังสูบเลยทีเดียว

 

การได้รับควันบุหรี่มือสองในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สามารถทำลายเซลล์ในร่างกายของเรา ส่งผลเสี่ยงเกิดมะเร็งเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่โดยตรง ยิ่งสูดดมควันบุหรี่นานเท่าไร ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

 

สรุป

 

เพียงแค่เราสูดดมควันบุหรี่มือสองก็ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ติดเชื้อในทางเดินหายใจ หูอักเสบ หรืออาการหอบหืดในเด็ก โดยเฉพาะมะเร็งปอด โรคที่ป่วยได้แม้ไม่สูบบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด และหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

 

อ่านข้อมูลโรค มะเร็งปอด เพิ่มเติม

 

คุณสามารถเช็กอาการ เจ็บหน้าอกไอ ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปอด ได้ที่ Smart Doctor โปรแกรมตรวจอาการเบื้องต้นอัจฉริยะ จาก Doctor at Home

ข้อมูลล่าสุด : 28 มิ.ย. 2566