ปวดท้องเรื้อรังอย่าเมิน คุณเสี่ยงเผชิญมะเร็งกระเพาะอาหาร
ปวดท้องเรื้อรังอย่าเมิน คุณเสี่ยงเผชิญมะเร็งกระเพาะอาหาร
เมื่อรู้สึกปวดท้อง โรคที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเป็นอันดับแรก คือ "โรคกระเพาะ" และเพราะเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะ จึงมักกินยารักษาโรคกระเพาะและยาบรรเทาปวด โดยไม่รู้ว่าอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ยิ่งปวดท้องเรื้อรังไม่หายขาดสักที เผลอ ๆ อาจเสียงเป็น "มะเร็งกระเพาะอาหาร" อย่างไม่ทันตั้งตัว
มีคนจำนวนมากเสียชีวิตด้วย "โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร" เพราะชะล่าใจ คิดว่าเป็นโรคกระเพาะทั่วไป กว่าจะรู้ตัวก็ลุกลามจนสายเกินแก้
ใครมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
- คนที่มีอายุเยอะ โดยเฉพาะคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป พบมากในช่วงอายุ 60-80 ปี
- มีพฤติกรรมชอบกินอาหารที่อาจก่อมะเร็ง เช่น อาหารปิ้งย่าง อาหารแปรรูป กินของหมักดอง หมักเกลือ รมควัน หรือใส่ดินประสิว
- มีพฤติกรรมชอบสูบบุหรี่จัด และดื่มแอลกอฮอล์
- เพศชายมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารสูงกว่าเพศหญิง 2-3 เท่า
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
- ผู้เคยผ่าตัดกระเพาะอาหาร
- การติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter pylori) ซึ่งทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่สัมผัสสารก่อมะเร็งเป็นเวลานาน
ปวดท้องแบบไหนเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งกระเพาะอาหาร แรกเริ่มจะไม่มีอาการใด ๆ แต่เมื่อก้อนมะเร็งนั้นเริ่มโตขึ้น ก็จะมีอาการคล้ายโรคกระเพาะ เช่น ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย ท้องอืด แน่นท้องตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือเหนือสะดือ นอกจากนี้ยังรู้สึกอิ่มเร็วหลังกินอาหารไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งในช่วงแรกกินยารักษาโรคกระเพาะอาการก็ดีขึ้น แต่ต่อมาจะไม่ได้ผลและมีอาการอื่นตามมา เช่น
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- กลืนลำบาก เบื่ออาหาร
- ท้องผูกหรือท้องเดิน
- คลื่นไส้อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด
- อาจถ่ายอุจจาระดำ น้ำหนักลด ซีด ดีซ่าน (ตาเหลือง)
ส่วนโรคกระเพาะทั่วไปจะมีอาการปวดแสบหรือจุกแน่นตรงใต้ลิ้นปี่ โดยหลังกินอาหารอาจดีขึ้นหรือเป็นมากขึ้นก็ได้ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือท้องเดินร่วมด้วย
หากมีอาการปวดแน่นท้องตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือเหนือสะดือคล้ายโรคกระเพาะ นานเกิน 2-4 สัปดาห์ หรือกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ทุเลา อาเจียนบ่อย อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ เป็นต้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค
ปฏิบัติตามนี้ ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
- ไม่สูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จัด หากจะดื่ม ควรดื่มเป็นบางครั้งบางคราวในปริมาณเล็กน้อย
- หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์รมควันหรือใส่ดินประสิว เนื้อแดงที่ปิ้งย่าง ปลาเค็ม เนื้อเค็ม ผักดอง
- กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หากพบว่ามีการติดเชื้อเอชไพโลไร ซึ่งทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง และแผลในกระเพาะอาหาร ควรรักษาให้หายขาด
แนวทางการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด รังสีรักษา และการรักษาด้วยการส่องกล้องกระเพาะอาหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ โดยแพทย์จะวินิจฉัยและหาแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสมตามความรุนแรงของโรค และสุขภาพของผู้ป่วย
สรุป
ลองสังเกตตัวเองว่า วันนี้เราดูแลร่างกายดีพอหรือยัง หากยังไม่พอ เริ่มตั้งแต่วันนี้ยังไม่สาย อย่าละเลยใส่ใจสุขภาพ เราสามารถลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วยตัวของเราเอง ทั้งนี้ หากมีอาการท้องอืดเป็นประจำหรือปวดท้องเรื้อรัง อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
อ่านข้อมูลโรค มะเร็งกระเพาะอาหาร
คุณสามารถเช็กอาการ ถ่ายเป็นเลือด/ถ่ายดำ, ปวดท้องแบบเป็นๆหายๆ, อาเจียน ซึ่งเป็นอาการที่เป็นสัญญาณของ มะเร็งกระเพาะอาหาร ได้ที่นี่
Smart Doctor โปรแกรมตรวจอาการเบื้องต้นอัจฉริยะ จาก Doctor at Home
ข้อมูลล่าสุด : 30 มิ.ย. 2566