โรคเชื้อราที่ศีรษะ (กลากที่ศีรษะ) อาจพบได้บ่อยในเด็ก แต่จะไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งมักจะลุกลามจากบริเวณอื่นของร่างกาย
เกิดจากการติดเชื้อราพวกเดอร์มาโตไฟต์ ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรง หรือใช้ของใช้ (เช่น หวี มีดโกนผม) ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคนี้
โรคนี้ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ คล้ายโรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ แต่จะมีลักษณะขึ้นเป็นผื่นแดง คัน และเป็นขุยหรือเกล็ด นอกจากนี้มักจะพบร่องรอยของโรคเชื้อรา (กลาก) ที่มือ เท้า ลำตัว หรือในบริเวณร่มผ้าร่วมด้วย
กลากที่ศีรษะ
อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เกิดเม็ดหนองขึ้นรอบ ๆ รูขุมขน และลุกลามเป็นก้อนนูนใหญ่ แล้วแตกออกมีน้ำเหลืองเกรอะกรัง เมื่อหายแล้วมักเป็นแผลเป็น
แพทย์จะทำการขูดเอาขุยที่หนังศีรษะ หรือเอาเส้นผมในบริเวณนั้นมาละลายด้วยน้ำยาโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) แล้วส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบเชื้อราที่เป็นสาเหตุ
ให้กินยาฆ่าเชื้อรา เช่น กริซีโอฟุลวิน นาน 4-6 สัปดาห์ หรือไอทราโดนาโซล นาน 4 สัปดาห์
หากสงสัย เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ มีลักษณะขึ้นเป็นผื่นแดง คัน และเป็นขุยหรือเกล็ด ควรปรึกษาแพทย์
เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคกลากที่ศีรษะ ควรดูแลรักษาตนเอง ดังนี้
- รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์
- มีอาการลุกลาม หรือกลายเป็นตุ่มหนอง
- ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
- ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคกลาก
- หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ (เช่น หวี มีดโกนผม) ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคนี้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุอื่น ๆ