แผลเปื่อยที่มุมปากอาจติดเชื้อราแคนดิดาอัลบิแคนส์แทรกซ้อน
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งจะตรวจพบแผลเปื่อยที่มุมปาก 2 ข้าง
ในกรณีที่จำเป็น แพทย์จะยืนยันการวินิจฉัยด้วยการตรวจระดับไรโบฟลาวินในปัสสาวะ หรือตรวจหาโรค/ภาวะผิดปกติอื่น ๆ โดยการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจหาเชื้อรา การตรวจช่องปากและฟัน การตรวจเลือดดูภาวะขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น
แพทย์จะให้กินวิตามินบี 2 หรือวิตามินบีรวมวันละ 1-3 เม็ด
ในรายที่มีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก จะให้ยาบำรุงโลหิตร่วมด้วย ถ้าพบโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วย ก็จะทำการรักษาควบคู่ไปด้วย
ถ้าไม่ได้ผลภายใน 1-2 สัปดาห์ แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุอื่น ซึ่งพบว่าในวัยกลางคนขึ้นไปอาจเกิดจากโรคเชื้อรา ก็จะให้ยารักษาโรคเชื้อรา (ดูเพิ่มเติมใน "โรคเชื้อราในช่องปาก มุมปากเปื่อยจากเชื้อรา")
ผลการรักษา ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 2-4 สัปดาห์
เมื่อพบว่าเป็นปากนกกระจอก ควรดูแลรักษา ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา
โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการกินอาหารให้ครบทุกหมู่ รวมทั้งอาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ถั่ว นม ไข่แดง ตับ ผักใบเขียว เป็นต้น
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า อาการมุมปากเปื่อย (ปากนกกระจอก) เกิดจากการขาดวิตามินบี 2 จริง ๆ แล้วปัจจุบันพบโรคนี้น้อยลงมาก ส่วนใหญ่เกิดจากโรคเชื้อรา (มุมปากเปื่อยจากเชื้อรา) และสาเหตุอื่น เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ภาวะขาดธาตุเหล็ก ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสหรือภูมิแพ้ (เช่น จากน้ำลายสอที่มุมปาก ลิปสติก ยาสีฟัน หมากฝรั่ง เป็นต้น) ผลข้างเคียงของยา (เช่น ยาต้านไวรัสรักษาเอดส์ ยารักษาสิว-Isotretinoin) เป็นต้น หากลองรักษาด้วยวิตามินบี 2 ไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น