ปลิง (leech) ชอบอยู่ในน้ำนิ่งตามหนองน้ำหรือลำธาร เมื่อคนลงอาบน้ำหรือล้างหน้าในหนองน้ำหรือลำธาร ตัวปลิงก็จะเข้าไปตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ทวารหนัก ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ อาจเข้าตา จมูก ปาก
ปลิงจะเกาะและดูดเลือดจากอวัยวะเหล่านี้ ทำให้มีรอยแผล ซึ่งจะมีเลือดออกและหยุดช้ากว่าปกติ เนื่องจากมันสร้างสารที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว (ชื่อว่า hirudinin) ทำให้มีอาการเลือดออกจากอวัยวะเหล่านี้ เช่น ถ่ายเป็นเลือดสด ๆ ปัสสาวะออกเป็นเลือด เลือดออกทางช่องคลอด
ผู้ป่วยมักจะมีประวัติว่าสบายดีตลอดมา แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีอาการเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด เลือดออกทางช่องคลอด
มักจะได้ประวัติว่าเกิดขึ้นหลังจากลงแช่น้ำในหนองน้ำหรือลำธาร
ปลิงอาจเข้าทวารหนัก แล้วไชทะลุลำไส้ ทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (มีอาการปวดท้องรุนแรง) หรือปลิงที่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ อาจทำให้เป็นก้อนนิ่วในภายหลังได้
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการบอกเล่า และการตรวจพบตัวปลิงในอวัยวะ
หากไม่แน่ใจ จะใช้เครื่องมือส่องตรวจดูภายในอวัยวะที่สงสัยว่ามีปลิงเข้า
แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้
1. ถ้าพบตัวปลิงยังอยู่ในอวัยวะก็ให้คีบออก ถ้าพบรอยเลือดออกก็ให้ทำการห้ามเลือด เช่น ใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดอุดให้แน่น ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวปลิงออกหรือยัง โดยเฉพาะปลิงที่เข้าท่อปัสสาวะหรืออวัยวะสืบพันธุ์ ให้สวนล้างด้วยน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น เช่น ขนาด 15% หรือ 20%
2. ถ้าเลือดออกไม่หยุด อาจต้องให้เลือด
ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอด ถ่ายเป็นเลือด หรือปัสสาวะเป็นเลือด หรือสงสัยปลิงเข้าอวัยวะ ควรปรึกษาแพทย์
ถ้าจะลงไปในหนองน้ำหรือลำธาร ควรสวมเสื้อผ้าให้รัดกุม และควรใช้ยาทากันเเมลง (เช่น dimethyl phthalate) ทาตามตัว
ควรระมัดระวังในการดื่มน้ำหรือล้างหน้าตามหนองน้ำหรือลำธาร
ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรง มักจะเสียเลือดไม่มาก และเลือดหยุดได้เอง แต่ก็เคยพบว่าปลิงอาจเข้าทวารหนักแล้วไชทะลุลำไส้ ทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (มีอาการปวดท้องรุนแรง) หรือปลิงที่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ อาจทำให้เป็นก้อนนิ่วในภายหลังได้ ดังนั้นหลังจากปลิงเข้าแล้วมีอาการที่ชวนสงสัยว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล