
ระยะฟักตัว 4-7วัน
ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ ถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ และผู้หญิงอาจมีอาการตกขาว มีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย
ต่อมาจะพบต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตติดกันเป็นพืดและเจ็บ ลักษณะเป็นสีแดงคล้ำและนุ่ม อาจแตกเป็นหนองได้ ส่วนมากโตเพียงข้างเดียว บางรายอาจมีไข้ หนาวสั่น เบื่ออาหารร่วมด้วย
ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง แผลจะลุกลามไปมาก บางรายอาจเป็นมากจนอวัยวะเพศชายแหว่งหายได้ คนไทยเราเรียกว่า โรคฮวบ
ในรายที่เป็นรุนแรง อาจทำให้องคชาตเเหว่งหาย (โรคฮวบ)
- อีริโทรไมซิน ครั้งละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งนาน 7 วัน
- อะซิโทรไมซิน 1 กรัม กินครั้งเดียว
- ไซโพรฟล็อกซาซิน 500 มก. กินวันละ 2 ครั้ง 3 วัน
- เซฟทริอะโซน (ceftriaxone) 250 มก. ฉีดเข้ากล้ามครั้งเดียว
สำหรับผู้ที่มีต่อมน้ำเหลืองอักเสบกลายเป็นฝีหนอง แพทย์จะทำการผ่าระบายหนอง หรือใช้เข็มเจาะดูดเอาหนองออก
เมื่อตรวจพบว่าเป็นแผลริมอ่อน ควรดูแลตนเอง ดังนี้
- รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
- ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
- สงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
2. ถ้าจะหลับนอนกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัย
3. ควรฟอกล้างด้วยสบู่หลังการร่วมเพศทันที
2. แม้ว่าอาการจะหายดีแล้ว หลังจากวันที่รับการรักษา 3 เดือน ผู้ป่วยก็ควรเจาะเลือดตรวจวีดีอาร์แอลและเชื้อเอชไอวี เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นซิฟิลิสหรือติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย
3. ควรรักษาแผลเฉพาะที่โดยใช้น้ำเกลือชะล้าง ไม่ต้องใส่ยาอะไรทั้งสิ้น ไม่ควรใช้เพนิซิลลิน หรือซัลฟาใส่แผล เพราะอาจทำให้แพ้ได้ง่าย
4. ผู้หญิงบางรายที่เป็นโรคนี้อาจไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ แต่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ หากสงสัย เช่น มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้ ควรปรึกษาแพทย์
5. ในรายที่เป็นโรคเอดส์ร่วมด้วย การรักษาแผลริมอ่อนอาจไม่ได้ผล หรือต้องใช้ยารักษาเป็นเวลานานกว่าปกติ