บางรายอาจพบร่วมกับโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ
ตำแหน่งที่พบได้บ่อย ได้แก่ บริเวณหน้า (รอบปาก แก้ม หรือหน้าผาก) บางรายอาจพบที่คอ ไหล่ และแขน
วงด่างขาวนี้มักเป็นอยู่นานเป็นแรมเดือนแรมปี หรือเป็น ๆ หาย ๆ จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะหายไปได้เอง
หากไม่แน่ใจอาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อแยกจากสาเหตุอื่น เช่น เกลื้อน โรคด่างขาว
แนะนำให้ใช้สบู่อ่อน (เช่น สบู่เหลว สบู่เด็ก) ในการล้างทำความสะอาดบริเวณที่เป็น
เมื่อตรวจพบว่าเป็นกลากน้ำนม ควรดูแลตนเอง ดังนี้
- รักษา ใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
- หลีกเลี่ยงการซื้อยาที่นอกเหนือจากที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำมาใช้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาทาประเภทแสบร้อน อาจทำให้หน้าไหม้เกรียม หรือหนังแห้งเป็นผื่นดำได้
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
- มีอาการลุกลาม หรือกำเริบใหม่
- ขาดยา หรือยาหาย
- ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ต่อที่บ้าน ใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
- ใช้สบู่อ่อน (เช่น สบู่เหลว สบู่เด็ก) ในการล้างทำความสะอาดร่างกาย
- ทาครีมบำรุงผิวอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- หลีกเลี่ยงการออกกลางแดด ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ทายากันแดด
2. โรคนี้ต่างจากเกลื้อน ตรงที่เกลื้อนจะเกิดขึ้นที่หลัง คอ และหน้าอก และพบมากในคนหนุ่มสาวที่มีเหงื่อออกมาก แต่กลากน้ำนมจะเกิดมากที่ใบหน้าและไหล่ และพบมากในเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาว
ถ้าใช้สเตียรอยด์ทาแล้วกลับลุกลามมากขึ้น ก็อาจเป็นเกลื้อน ควรหยุดยา แล้วให้ยารักษาเกลื้อนแทน
3. โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการกินนม แต่ที่เรียกว่ากลากน้ำนม เพราะว่ามักจะพบในระยะที่เด็กกินนม และลักษณะเหมือนน้ำนมแห้งติดอยู่ที่แก้ม