
ในผู้ใหญ่มักเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะเนื่องจากภาวะบางอย่าง (เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต) หรือกระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน เนื่องจากความผิดปกติของไขสันหลัง (เช่น ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ โพรงกระดูกสันหลังแคบ รากประสาทถูกกดทับ)
บางรายอาจไม่มีอาการแสดงแต่อย่างใด นอกจากการตรวจพบเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะ (bacteriuria) และเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะโดยบังเอิญ
แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การใช้กล้องส่องตรวจทางเดินปัสสาวะ และการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะและประเมินความรุนแรงของโรค
บางรายแพทย์อาจให้กินยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ
ถ้าพบความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะหรือภาวะที่อุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต ก็จะทำการผ่าตัดแก้ไข ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้กรวยไตอักเสบกำเริบได้
ในเด็กเล็กที่มีภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (VUR) ที่ไม่รุนแรงก็อาจหายได้เองในเวลาต่อมา ส่วนเด็กที่มีภาวะนี้รุนแรง แพทย์ก็จะแก้ไขด้วยการผ่าตัด
ในรายที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะรุนแรง แพทย์อาจให้การรักษาด้วยการล้างไตหรือปลูกถ่ายไต
เมื่อตรวจพบว่าเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง ควรดูแลตนเอง ดังนี้
- รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- มีอาการของกรวยไตอักเสบเฉียบพลันกำเริบใหม่
- มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซีด คลื่นไส้ อาเจียน ซึม ท้องเดิน หรือเท้าบวม
- ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
- กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- อย่าอั้นปัสสาวะ เวลามีอาการปวดปัสสาวะ
- หลังถ่ายอุจจาระ ควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง
- ควรดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนร่วมเพศ และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ
3. กินยาปฏิชีวนะป้องกันตามคำแนะนำของแพทย์
2. ทารกและเด็กเล็ก ที่เป็นกรวยไตอักเสบอาจมีอาการไม่ชัดเจนเหมือนที่พบในผู้ใหญ่ เด็กอาจมีอาการไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่อนมและอาหาร คล้ายเป็นไข้ทั่ว ๆ ไป หากเป็นซ้ำซาก อาจมีน้ำหนักน้อย (ตัวเล็ก) กว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน ทารกและเด็กเล็กที่เป็นไข้โดยไม่มีอาการของทางเดินหายใจ (เช่น น้ำมูก ไอ) ควรนึกถึงโรคนี้ไว้เสมอ
3. หากตรวจพบว่าเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง ควรได้รับการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรัง
4. บางครั้งอาจพบผู้ป่วยเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรังที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหลายขนาน โดยยังตรวจพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ แต่ตรวจไม่พบเชื้อ (จากวิธีเพาะเชื้อตามปกติ) ในกรณีนี้ควรนึกถึงสาเหตุจาก วัณโรคไต ซึ่งจะต้องวินิจฉัยโดยการส่งปัสสาวะเพาะหาเชื้อวัณโรคโดยเฉพาะ และให้ยารักษาวัณโรค จึงจะได้ผล