![โรคเหน็บชา,โรคขาดวิตามินบี1,เหน็บชา](https://i0.wp.com/doctorathome.com/storage/content/03/03c97dc1298cc7c42e0adbaa0f7add7d.jpg)
เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 ซึ่งอาจมีสาเหตุ ดังนี้
- การกินข้าวขาวที่ขัดสีจากโรงสี และกินเนื้อสัตว์น้อย ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอ
- การกินอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 เช่น ชา เมี่ยง หมากพลู สีเสียด ปลาร้า เป็นต้น
- ภาวะที่ร่างกายมีการเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งมีความต้องการวิตามินบี 1 สูงขึ้น เช่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงที่ให้นมบุตร เด็กในวัยเจริญเติบโต ผู้ที่ทำงานหนัก (เช่น กรรมกร ชาวนา) ผู้ป่วยที่มีไข้สูง หรือเป็นโรคติดเชื้อ หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เป็นต้น
- โรคตับเรื้อรัง (เช่น ตับแข็ง) ก็อาจเป็นโรคนี้ได้ เพราะตับไม่สามารถนำวิตามินบี 1 ไปใช้ประโยชน์ได้
- โรคพิษสุราเรื้อรังก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่าย เนื่องจากกินวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอ ร่วมกับการดูดซึมของลำไส้ไม่ดี และตับทำงานได้ไม่ดี (ตับแข็ง)
ในทารก มักจะมีอาการระหว่างอายุ 2-6 เดือน (พบในทารกที่กินนมมารดา และมารดากินอาหารที่ขาดวิตามินบี 1 หรืออดของแสลง หรือมารดาเป็นโรคเหน็บชา) เด็กจะมีอาการร้องเสียงแหบหรือไม่มีเสียง ซึม หอบเหนื่อย ตัวเขียว ขาบวม
บางรายอาจมีอาการตากระตุก (nystagmus) หนังตาตก ชัก หรือหมดสติ
ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา อาจตายได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ในเด็กโตและผู้ใหญ่ ในระยะเริ่มแรก หรืออาการขนาดอ่อน ๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ท้องผูก ท้องอืดเฟ้อ ความจำเสื่อม รู้สึกชา แต่ตรวจร่างกายไม่พบสิ่งผิดปกติ
ถ้าเป็นมากขึ้น จะรู้สึกชาตามมือและเท้า อาจมีอาการปวดแสบและเสียวเหมือนถูกมดกัด โดยมากจะเป็นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยจะเป็นตะคริว ปวดเจ็บที่กล้ามเนื้อน่อง แขนขาไม่มีแรง ถ้าเป็นมาก ๆ อาจมีอาการเป็นอัมพาต
ในรายที่เกิดจากโรคพิษสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยจะมีอาการตาเหล่ ตาเข (เนื่องจากกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวลูกตาเป็นอัมพาต) เดินเซ (ataxia) มีความผิดปกติทางจิต (เช่น ภาวะซึมเศร้า) อาจหมดสติถึงตายได้
![โรคเหน็บชา](https://doctorathome.com/storage/photos/shares/132.Beri-beri/132-โรคเหน็บชา-มุก-หน้า840.png)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะหัวใจวาย ความจำเสื่อม ภาวะซึมเศร้า หากไม่ได้รับการรักษา อาจมีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้
ในทารก อาจตรวจพบอาการหอบเหนื่อย ตัวเขียว ขาบวม ตากระตุก หนังตาตก รีเฟล็กซ์ของข้อน้อยกว่าปกติหรือไม่มีเลย และอาจตรวจพบภาวะหัวใจวาย (เช่น ตับโต ชีพจรเต้นมากกว่า 130 ครั้ง/นาที บวม ใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรบ)
ในเด็กโตและผู้ใหญ่ อาจตรวจพบอาการแขนขาชา ไม่มีแรง (ทดสอบโดยให้ผู้ป่วยนั่งยอง ๆ ผู้ป่วยจะลุกขึ้นไม่ได้) หรือเป็นอัมพาต รีเฟล็กซ์ของข้อในระยะแรกอาจไวกว่าปกติ แต่ในระยะหลังอาจน้อยกว่าปกติหรือไม่มีเลย
ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีภาวะหัวใจวายร่วมด้วย เช่น เท้าบวม หอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ชีพจรเต้นเร็ว ตับโต ใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) เป็นต้น
ถ้าจำเป็น แพทย์จะทำการตรวจระดับวิตามินบี 1 ในเลือด
แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้
1. ให้วิตามินบี 1 โดยการกินหรือฉีด
2. ในรายที่สงสัยมีภาวะหัวใจวาย จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล ให้ฉีดวิตามินบี 1 ยาขับปัสสาวะ อาจต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด และตรวจพิเศษอื่น ๆ ถ้าจำเป็น แล้วให้วิตามินบี 1 และให้การรักษาแบบภาวะหัวใจวาย
หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ท้องผูก ท้องอืดเฟ้อ ความจำเสื่อม รู้สึกชาตามมือและเท้า แขนขาไม่มีแรง กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เท้าบวม เดินเซ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์
เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเหน็บชา ควรดูแลตนเอง ดังนี้
- รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
- ขาดยาหรือยาหาย
- กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
1. กินอาหารที่มีวิตามินบี 1 สูง เช่น เนื้อสัตว์ ถั่วต่าง ๆ ไข่แดง ตับ ไต เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีลูกอ่อน คนที่ทำงานหนัก
2. ส่งเสริมให้กินข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้องแทนข้าวขาวที่ขัดสีจากโรงสี เพราะมีวิตามินบี 1 สูง และส่งเสริมการหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ
3. ลดการกินอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 เช่น ชา เมี่ยง หมากพลู สีเสียด ปลาร้า เป็นต้น ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรทำปลาร้าให้สุกเสียก่อนเพื่อทำลายสารดังกล่าว หรือให้ดื่มน้ำชา เคี้ยวใบเมี่ยงหรือหมากพลูระหว่างมื้ออาหาร อย่าเสพหลังอาหารทันที
1. โรคนี้อาจพบในชายฉกรรจ์ที่ร่างกายบึกบึน ซึ่งกินข้าวได้มาก ๆ แต่กินอาหารที่มีวิตามินบี 1 น้อย
ดังนั้น ถ้าพบอาการที่ชวนสงสัยว่าเป็นโรคเหน็บชา ควรปรึกษาแพทย์
2. อาการชาปลายมือปลายเท้า นอกจากเกิดจากการขาดวิตามินบี 1 (ซึ่งปัจจุบันพบได้น้อยลงมาก) ยังอาจเกิดจากโรคเบาหวาน ปลายประสาทอักเสบ และสาเหตุอื่น ๆ (ตรวจสาเหตุของอาการชาเพิ่มเติม)
ดังนั้น ผู้ที่มีอาการชาปลายมือปลายเท้า หรือผู้ที่สงสัยเป็นโรคเหน็บชาซึ่งกินยาวิตามินบี 1 แล้วไม่ทุเลา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ