

เลือดออกใต้ตาขาว
1. หากมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่มีอาการไอรุนแรง ไอติดต่อกันครั้งละนาน ๆ จนตัวงอและหายใจแทบไม่ทัน เมื่อหยุดไอจะหายใจเข้ายาว ๆ เสียงดังวู้บ หรือสงสัยว่าเป็นไอกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบในเด็กที่มีประวัติว่าไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรนมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อตรวจพบว่าเป็นไอกรน ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
2. ติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์นัด
3. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- มีอาการผิดสังเกต เช่น หายใจหอบ อาเจียนมาก กินอาหารได้น้อย น้ำหนักลด เป็นต้น
- หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
2. สำหรับผู้สัมผัสโรคอย่างใกล้ชิด ถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้มาก่อน ควรฉีดวัคซีนป้องกันคอตีบ บาดทะยัก ไอกรนตามปกติ ถ้าเคยฉีดมาแล้ว 3 ครั้ง ควรฉีดกระตุ้นอีกครั้ง (ยกเว้นฉีดเข็มสุดท้ายมาภายใน 6 เดือน) ถ้าเคยฉีดมาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง ควรฉีดกระตุ้นอีกครั้ง (ยกเว้นฉีดเข็มสุดท้ายมาภายใน 3 ปี หรืออายุเกิน 6 ปี) นอกจากนี้แพทย์จะให้ยาอีริโทรไมซินกินป้องกันนาน 14 วัน
2. ควรแยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติอย่างน้อย 5 วัน นับจากวันที่เริ่มให้ยาปฏิชีวนะ
3. การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคนี้ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกัน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วย