1. โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส แนะนำให้ฉีดในเด็กช่วงอายุ 12-18 เดือน ส่วนเด็กที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้และไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน จะฉีดในช่วงอายุใดก็ได้
ส่วนผู้ใหญ่ แนะนำให้ฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดูแลเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก ครูอนุบาลหรือชั้นประถมศึกษา หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่วางแผนตั้งครรภ์ในอนาคต เป็นต้น ก่อนฉีดวัคซีนอาจต้องเจาะเลือดตรวจว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้าเคยก็ไม่ต้องฉีดวัคซีน
การฉีดวัคซีนแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 12-18 เดือน และอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ 4-6 ปี (หากมีการระบาดของโรคนี้ อาจฉีดก่อนอายุ 4-6 ปีก็ได้ แต่ต้องห่างจากครั้งแรกอย่างน้อย 3 เดือน)
อายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป หากไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน ควรฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 4-8 สัปดาห์
วัคซีนนี้ห้ามฉีดในผู้ที่กำลังมีไข้สูง ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือกินยากดภูมิคุ้มกัน รวมทั้งยาสเตียรอยด์ (ในขนาดเพร็ดนิโซโลนตั้งแต่ 2 มก./กก./วัน นานตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป ควรให้หลังหยุดสเตียรอยด์อย่างน้อย 1 เดือน)
วัคซีนไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่ได้รับวัคซีนควรคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดกับทารกในครรภ์ แต่ถ้าหากบังเอิญได้รับวัคซีนขณะตั้งครรภ์ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเท่าที่ผ่านมายังไม่มีรายงานว่าทารกได้รับอันตรายจากการฉีดวัคซีนในมารดา
หลังได้วัคซีน ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพรินเป็นเวลา 6 สัปดาห์
2. ในช่วงที่มีการระบาด หรือมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นโรคนี้ แนะนำให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัด
3. สำหรับผู้สัมผัสโรค ถ้าเป็นเด็กที่แข็งแรงเป็นปกติ มักไม่แนะนำให้ยาป้องกัน เพราะหากเป็นโรคจะไม่รุนแรงและไม่มีอันตราย ในรายที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน อาจแนะให้ฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส 1 ครั้ง แต่ต้องฉีดภายใน 3 วันหลังจากสัมผัสโรค อาจช่วยป้องกันโรคหรือลดความรุนแรงของโรคได้
ส่วนผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น มะเร็ง เอดส์ เป็นต้น) ที่ไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน ทารกที่คลอดจากแม่ที่เป็นโรคนี้ภายใน 5 วันก่อนคลอดหรือภายใน 48 ชั่วโมงหลังคลอด ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักตัวน้อยตั้งแต่ 1,000 กรัมลงไป ที่จำเป็นต้องอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์จะฉีดสารภูมิต้านทาน ได้แก่ varicella-zoster immune globulin (VZIG) ภายใน 96 ชั่วโมงหลังสัมผัสโรค หรือให้กินอะไซโคลเวียร์ (ขนาด 40-80 มก./กก./วัน นาน 7 วัน) ภายใน 7-9 วันหลังสัมผัสโรค หรือฉีดวัคซีน 1 ครั้ง ภายใน 3 วันหลังสัมผัสโรค วิธีการเหล่านี้อาจช่วยลดความรุนแรงของโรคถ้ามีการติดเชื้อในเวลาต่อมา