
ทริคิโนซิส เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ทริคิเนลลาสไปราลิส (Trichinella spiralis)* ซึ่งมีอยู่ในเนื้อหมูหรือหนู มักพบเป็นพร้อมกันหลายคน ในบ้านเราเคยพบเป็นโรคระบาดทางภาคเหนือหลายครั้ง

เกิดจากการกินเนื้อหมูหรือหนูที่มีซิสต์ของพยาธิทริคิโนซิส และไม่ได้ทำให้สุก เช่น ลาบ แหนม เป็นต้น
ขึ้นกับปริมาณพยาธิที่รับเข้าร่างกาย ถ้าปริมาณน้อยก็อาจไม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถ้าปริมาณมากก็จะมีอาการแสดง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 ระยะพยาธิอยู่ในลำไส้ หลังจากผสมพันธุ์กันแล้ว ตัวเมียฝังตัวในลำไส้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินหลังกินเนื้อหมูที่มีซิสต์ของพยาธิประมาณ 24-72 ชั่วโมง และจะมีอาการอยู่นาน 1-7 วัน
ระยะที่ 2 ระยะที่พยาธิตัวเมียออกลูกพยาธิตัวอ่อน (larvae) ซึ่งจะเข้าไปในกระแสเลือด แล้วไชเข้ากล้ามเนื้อ และอวัยวะต่าง ๆ เริ่มประมาณวันที่ 5-7 หลังกินซิสต์ของพยาธิ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง (ซึ่งอาจเป็นอยู่นาน 1-2 สัปดาห์) ปวดศีรษะ เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อมากจนไม่อยากกระดุกกระดิก อาจหายใจ เคี้ยว กลืนหรือพูดลำบากเพราะเจ็บกล้ามเนื้อ อาจมีอาการบวมที่หนังตา (ประมาณวันที่ 12-14 ของโรค) กลัวแสง เยื่อตาขาวอักเสบ (เคืองตา ตาแดง) หรือมีผื่นแดงขึ้นหรือมีเลือดออกใต้เล็บ
ระยะที่ 3 ระยะที่พยาธิตัวอ่อนมีซิสต์หุ้ม ผู้ป่วยจะค่อย ๆ ดีขึ้น ไข้ลดลงและอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อค่อย ๆ ทุเลาลง ซิสต์จะยังคงอยู่ในกล้ามเนื้อตลอดไป โดยพยาธิในซิสต์จะตายและมีหินปูนมาจับ ซึ่งสามารถตรวจพบโดยการเอกซเรย์
ถ้ามีการติดเชื้อรุนแรง ตัวอ่อนอาจเข้าในอวัยวะสำคัญ ๆ ทำให้ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถ้าเป็นรุนแรงอาจตายหลังเกิดโรค 4-6 สัปดาห์
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ
แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ซึ่งจะพบจำนวนเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ และมีจำนวนอีโอซิโนฟิล (eosinophil) สูงถึงร้อยละ 10-90
นอกจากนี้อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (serologic test) เพื่อตรวจหาสารภูมิต้านทานต่อพยาธิชนิดนี้ การตัดชิ้นเนื้อจากกล้ามเนื้อ (เช่น ที่น่อง) หรือลำไส้ไปตรวจหาตัวพยาธิ
ถ้าสงสัยมีพยาธิในสมอง อาจเจาะหลังนำน้ำไขสันหลังไปตรวจ
แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้
1. ในระยะพยาธิอยู่ในลำไส้ นอกจากให้การรักษาตามอาการ เช่น นอนพัก ให้ยาแก้ปวดลดไข้ ให้น้ำเกลือแล้ว แพทย์จะให้ยาฆ่าพยาธิ เช่น มีเบนดาโซล, อัลเบนดาโซล เป็นต้น
2. ในระยะพยาธิอยู่ในกล้ามเนื้อ ถ้ามีการอักเสบรุนแรง ให้เพร็ดนิโซโลน พร้อมกับให้ยาถ่ายพยาธิดังกล่าว ซึ่งอาจได้ผลสู้ระยะพยาธิอยู่ในลำไส้ไม่ได้
หากสงสัย เช่น หลังกินเนื้อหมู หนู ม้า หรือเนื้อสัตว์ป่าดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ 24-72 ชั่วโมงมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือหลังกินเนื้อหมู หนู ม้าหรือเนื้อสัตว์ป่าดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ 5-7 วันมีอาการไข้สูง เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะมาก เจ็บหน้าอกมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชัก หรือหายใจหอบ ควรปรึกษาแพทย์
เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคทริคิโนซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้
- รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
- มีอาการไข้สูง เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะมาก เจ็บหน้าอกมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชัก หรือหายใจหอบ
- ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
- ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
- กินเนื้อหมูที่ปรุงให้สุกด้วยอุณหภูมิสูงกว่า 71 องศาเซลเซียส ไม่กินเนื้อหมูดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ (เช่น ลาบ แหนม เป็นต้น) หรือเนื้อหมูที่รมควัน หมักเกลือ หรือปรุงด้วยไมโครเวฟ
- ไม่กินเนื้อหนู ม้า หรือเนื้อสัตว์ป่าดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ
- ล้างอุปกรณ์ (เช่น เครื่องบดเนื้อ มีด เขียง) ที่ใช้เตรียมเนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ให้สะอาด ป้องกันไม่ให้มีตัวพยาธิเปรอะเปื้อน
- ไม่ใช้เนื้อสัตว์ดิบป้อนหมูที่เลี้ยง
- ควบคุมโรงฆ่าสัตว์ไม่ให้นำหมูที่ป่วยเป็นโรคทริคิโนซิสมาให้คนบริโภค
นอกจากหมูและหนูแล้ว ยังอาจพบพยาธิชนิดนี้ในม้าและสัตว์ป่า (เช่น หมูป่า หมี สุนัขจิ้งจอก เป็นต้น) จึงควรป้องกันการได้รับอันตรายจากโรคทริคิโนซิสด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์เหล่านี้แบบดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ